พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา จากมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ประจำปีการศึกษา 2563-2564

Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest

เมื่อวันนี้ 19 มกราคม 2566 เวลา 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ไปยังอาคารกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์​ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา จากมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ประจำปีการศึกษา 2563-2564 โดยในปีนี้ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการศึกษา แด่ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชานิติศาสตร์ แด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และในการนี้สภามหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ มอบปริญญากิตติมศักดิ์แก่ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 4 ราย ได้แก่ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ นายคําพัน อั่นลาวัน ปริญญาบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ ปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาประมง และรองศาสตราจารย์ดนุวัต เพ็งอ้น ปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาพืชศาสตร์ จากนั้น ผู้แทนพระองค์ มอบปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาระดับ ปริญญาโท และปริญญาตรี รวม 1,389 คน ในการนี้ ประธานองคมนตรี ให้โอวาทแก่ผู้สำเร็จการศึกษาความว่า “บัณฑิตทั้งหลายเมื่อสำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาแล้ว ถือว่าเป็นผู้มีปัญญา ควรจะได้ระลึกและตระหนักถึงความสำคัญของการเสริมสร้างคุณลักษณะพื้นฐานชองบัณฑิต อันจะช่วยให้แต่ละคนสามารถสร้างสรรค์ความผาสุกมั่นคงให้แก่ประเทศชาติได้ กล่าวคือ นอกจากจะต้องเป็นผู้มีความรู้ดีแล้ว บัณฑิตยังต้องรู้จักตนเอง รู้ว่าตนเองมีความสามารถและความถนัดในด้านใดมากน้อยเพียงใด และจะนำไปใช้ให้บังเกิดประโยชน์แก่สังคมได้อย่างไร เมื่อออกไปทำงานจะต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจงานและข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วนำความรู้ไปปรับใช้ให้เหมาะกับงานรวมทั้งใช้ในการแก้ปัญหา ที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งในการทำงานและการดำเนินชีวิต พร้อมกันนั้นก็ต้องรักในงานที่ทำ มีความอดทนและสู้งาน เพิ่มพูนความเชี่ยวชาญในวิชาชีพของตนอยู่เสมอ เพราะการมีงานทำ มืออาชีพ คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนเราสามารถดำรงชีวิตได้ในสังคมยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ แต่ละคนยังต้องประพฤติตนเป็นพลเมืองที่ดี พร้อมที่จะสร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อส่วนรวม ด้วยความมีน้ำใจเอื้ออาทรและจริงใจ ตลอดจนหมั่นเสริมสร้างทักษะในการสื่อสารกับผู้อื่น การบริหารเวลา และการปรับตัวเพื่อพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง หากบัณฑิตยึดมั่นในการเรียนรู้ตลอดชีวิต และตั้งใจเสริมสร้างคุณลักษณะที่กล่าวมานี้ให้ยิ่งกว้างขวางหนักแน่นขึ้นเสมอไปแล้ว แต่ละคนก็จะสามารถประกอบอาชีพการงานเลี้ยงตนเลี้ยงครอบครัว และดำเนินชีวิตให้บรรลุถึงความสำเร็จ อันจะนำมาซึ่งความเจริญมั่นคงของประเทศชาติได้อย่างแน่นอน” ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขออวยพรให้บัณฑิตทุกคนและผู้มาร่วมในพิธีนี้ทุกท่าน ประสบความสุข ความสำเร็จ พร้อมทั้งความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตทุก ๆ ประการ

Share this post with your friends

Share on facebook
Share on google
Share on twitter
Share on linkedin