ม.กาฬสินธุ์ จับมือภาคีเครือข่ายภาครัฐ-เอกชน ลงนาม MOU ผลิต “บัณฑิตพันธุ์ใหม่และกำลังคมที่มีสมรรถนะ” ขับเคลื่อนการพัฒนากำลังคนของประเทศ

Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest

มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ระดับมหาวิทยาลัยร่วมกับสถานประกอบการและหน่วยงานราชการการ เพื่อประกอบการนำเสนอโครงการหลักสูตรระดับปริญญา (Degree) และหลักสูตรระดับประกาศนียบัตร (Non-Degree) เข้าร่วมโครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569

วันนี้ (11 ธันวาคม 2568) เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมสภามหาวิทยาลัย ชั้น 3 อาคารเฉลิมพระเกียรติกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ 70 พรรษา มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พื้นที่ในเมือง รองศาสตราจารย์ ดร.สุพรรณ สุดสนธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ลงนามความร่วมมือระดับมหาวิทยาลัย ร่วมกับภาคีเครือข่าย 5 แห่ง ประกอบด้วย นางสาววิจิตรา แสงทอง ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มข้าวอินทร์เป็นสุข, นางสีสุพัน อุทรักษ์ ประธานวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ข้าว ศพก.กุดหว้า, นางจิราภา พิมพ์แสง ประธานวิสาหกิจชุมชนคล้องใจ, นายอุทัย สิงห์ทอง พัฒนาการจังหวัดกาฬสินธุ์ และนายพนมศิลา ศรีบัว นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลโพน และพยานร่วมลงนามในแต่ละภาคส่วน ได้แก่ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พัฒนาการอำเภอกุฉินารายณ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ อำเภอฆ้องชัย นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลโพน และพัฒนาการจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมี คณะผู้บริหาร คณาจารย์ และบุคลากรมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ เข้าร่วมอย่างพร้อเพรียง มุ่งเน้นการสร้างบัณฑิตที่มีทักษะตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานและการพัฒนาพื้นที่

รองศาสตราจารย์ ดร.สุพรรณ สุดสนธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ กล่าวถึงการจัดงานว่า มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ได้ตระหนักถึงบทบาทสำคัญของคณาจารย์ในการขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับนโยบายและทิศทางการพัฒนาของมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับมาตรฐานหลักสูตรให้เป็นไปตามความต้องการจริงของภาคีเครือข่ายผู้บริหารหน่วยงานราชการและท้องถิ่น ความร่วมมือทางวิชาการในวันนี้มีหลักสูตรที่ประสงค์จะขอจัดทำข้อตกลงความร่วมมือระดับมหาวิทยาลัยร่วมกับสถานประกอบการและหน่วยงานราชการ จำนวน 2 หลักสูตร ได้แก่ “หลักสูตรการจัดการเทคโนโลยีนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สีเขียวและโลจิสติกส์” และ “หลักสูตรพัฒนาทักษะช่างหัตถศิลป์ดั้งเดิมสู่ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมดิจิทัล”  ซึ่งทุกฝ่ายจะร่วมมือกันในการพัฒนาหลักสูตร การฝึกปฏิบัติงาน และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อพัฒนากำลังคน

การบันทึกความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการผสานศักยภาพจากทุกภาคส่วน ถือเป็นรากฐานสำคัญในการผลิตบัณฑิตที่มีสมรรถนะสูง มีทักษะสอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่และทิศทางการพัฒนาของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านนวัตกรรมการจัดการเทคโนโลยีนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สีเขียวและโลจิสติกส์ และการพัฒนาทักษะช่างหัตถศิลป์หัตถศิลป์ดั้งเดิมสู่ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมดิจิทัล เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือในการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป

ภาพ/ข่าว : ปนัดดา โมกขะรัตน์

Share this post with your friends

Share on facebook
Share on google
Share on twitter
Share on linkedin